ความจริงทางการแพทย์เกี่ยวกับเทรนด์ “ฟ็อกซ์อาย”

ไม่ว่าคุณจะเดินอยู่บนถนนในกรุงโซล หรือเลื่อนดูฟีดโซเชียลมีเดียจากที่ไหนในโลก คุณจะสังเกตเห็นสไตล์ความงามแบบหนึ่งที่กำลังครองบทสนทนาเรื่องแฟชั่นและความงาม — ที่หลายคนเรียกว่า ลุค “ฟ็อกซ์อาย” ลักษณะเด่นคือหางตาที่ยกขึ้นและทรงคิ้วยาวเรียว ให้ลุคคมเฉี่ยวคล้ายดวงตาสัตว์ตระกูลแมว ดูทั้งแปลกตาและทันสมัย คนดัง อินฟลูเอนเซอร์ และช่างแต่งหน้าต่างช่วยผลักดันให้ฮิตไปทั่วโลก มีคอนเทนต์สอนมากมายที่บอกว่าสามารถทำได้ด้วยการคอนทัวร์ เทคนิคอายไลเนอร์ หรือแม้แต่การทำหัตถการเสริมความงามหรือศัลยกรรม

แต่อย่างกับเทรนด์ความงามหลายอย่าง สิ่งที่ดูสะดุดตาบนอินสตาแกรมมักแฝงความเสี่ยงไว้ โดยเฉพาะเมื่อพยายามทำให้ได้ด้วยการผ่าตัดหรือหัตถการแบบทางลัด ในฐานะแพทย์ศัลยกรรมที่ได้เห็นทั้งเคสที่ประสบความสำเร็จและภาวะแทรกซ้อน เราเห็นว่าจำเป็นต้องอธิบายให้ชัดว่า “ฟ็อกซ์อาย” หมายถึงอะไรในเชิงการแพทย์ และการทำหัตถการเพื่อให้ได้ลุคนี้ปลอดภัยเพียงใด

ลุค “Fox Eye” คืออะไรกันแน่?

คำนี้หมายถึงเอฟเฟกต์ที่ทำให้หางตาชี้ยกขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้รูปตาดูเรียวยาวคล้ายเมล็ดอัลมอนด์ ในอดีตลุคนี้มักทำได้ด้วยการแต่งหน้า เช่น กรีดอายไลเนอร์หางยาว จัดทรงคิ้วให้เหมาะสม หรือใช้เทคนิคคอนซีลเลอร์ แต่ปัจจุบันความต้องการวิธีที่คงอยู่ได้นานขึ้นทำให้หลายคนเลือกทำหัตถการหรือการผ่าตัด เช่น:

• การร้อยไหมยกกระชับ เพื่อดึงคิ้วและเปลือกตาให้ยกขึ้น

• การผ่าตัดเปลือกตา (Blepharoplasty) โดยปรับยกหางตาด้านนอก

• การผ่าตัดปรับรูปหางตา (Canthoplasty)

• การยกขมับ (Temporal lift) เพื่อยกหางคิ้วและบริเวณขมับด้านนอก

• โบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ เพื่อปรับตำแหน่งคิ้วอย่างแนบเนียน

ที่ Hugo ศัลยกรรมตกแต่ง ในกรุงโซล เรามองว่านี่ไม่ใช่เพียง “กระแส” แต่เป็นการปรับไดนามิก (การทำงานร่วมกัน) ของเปลือกตาและคิ้ว ตำแหน่งของหางตา ระดับความสูงของหางคิ้ว และการค้ำจุนของเนื้อเยื่อบริเวณขมับ ล้วนรวมกันกำหนดว่าดวงตาจะดูอ่อนโยน กลมมน หรือให้ลุคแบบ Fox Eye มากขึ้น

เหตุใดเทรนด์ Fox Eye (ตาจิ้งจอก) จึงได้รับความนิยม?

ค่านิยมความงามไม่เคยหยุดนิ่ง — มักเปลี่ยนไปตามวัฒนธรรม แฟชั่น และอิทธิพลของสื่อ ในเกาหลีใต้ ซึ่งการทำศัลยกรรมเสริมความงามทั้งล้ำหน้าและเป็นเรื่องปกติ การปรับรูปตาเล็กน้อยได้รับความนิยมมานานแล้ว ลุคตา Fox Eye จึงกลายเป็นกระแสไปทั่วโลกด้วยเหตุผลหลายประการ:

• อิทธิพลจากคนดัง: นางแบบและนักแสดงในตะวันตกทำให้ลุคตายาวเรียวโดดเด่นบนพรมแดงและปกนิตยสาร

• เทรนด์แฟชั่น: สไตล์ปัจจุบันเน้นความเรียบลื่นและเส้นคมชัด ซึ่งเข้ากันได้ดีกับลุค Fox Eye

• การผสมผสานทางวัฒนธรรม: เมื่อ K-beauty และแฟชั่นเกาหลีส่งอิทธิพลต่อภาพลักษณ์ความงามระดับสากลอยู่แล้ว เทรนด์นี้จึงแพร่หลายไปไกลกว่าทวีปเอเชีย

สำหรับบางคน Fox Eye ให้ภาพลักษณ์ที่ดูหรูหรา หรือดุดันเท่คมกว่าดวงตาทรงกลมที่ดู “ไร้เดียงสา” แต่ประเด็นสำคัญคือ: ลุคที่อิงแต่กระแสมักไม่ยืนยาวตามกาลเวลา สิ่งที่ดูเก๋ในวัยยี่สิบ อาจดูเข้มเกินไปหรือไม่รับกับใบหน้าในวัยสี่สิบ และต่างจากการแต่งหน้าที่ลบออกได้ การผ่าตัดมีผลคงอยู่ยาวนาน นั่นคือจุดที่ความเสี่ยงอยู่

ประเด็นทางการแพทย์ที่อยู่เบื้องหลังเทรนด์นี้

ในมุมมองของศัลยแพทย์ ลุคตา Fox Eye (ตายกหางเชิด) ไม่ได้อันตรายโดยตัวมันเอง ปัญหาอยู่ที่วิธีการทำและว่าวิธีที่เลือกสอดคล้องกับสรีรวิทยาของผู้ป่วยหรือไม่ มาดูวิธีที่ใช้กันบ่อยที่สุด:

1. การร้อยไหม

การร้อยไหมคือการใส่ไหมละลายไว้ใต้ผิวเพื่อดึงคิ้วหรือเปลือกตาให้ยกขึ้น มักถูกโฆษณาว่าเป็น “หัตถการช่วงพักกลางวัน” เพราะทำได้รวดเร็วและแผลเล็ก อย่างไรก็ตาม:

• ผลลัพธ์โดยทั่วไปอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน

• มักเกิดความไม่สมมาตร เช่น ข้างหนึ่งยกสูงกว่าอีกข้าง

• ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ ได้แก่ ผิวเป็นคลื่นหรือเป็นรอยบุ๋ม และไหมเคลื่อนตำแหน่ง

• บางรายมีอาการเจ็บตึงนาน หรือมีการระคายเคืองของเส้นประสาท

ในคลินิกของเรา เราพบผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ผิดหวังกับความคงทนที่สั้นของการร้อยไหม โดยเฉพาะเมื่อคาดหวังการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนหรือถาวร

2. ศัลยกรรมเปลือกตา (Blepharoplasty) หรือศัลยกรรมหางตา (Canthoplasty) ที่ทำมากเกินไป

การผ่าตัดเปลือกตาสามารถปรับรูปตาได้อย่างสวยงามเมื่อทำอย่างพอดี แต่การแก้หางตาด้านนอกมากเกินไปเพื่อให้ได้เอียงเชิดแบบ Fox Eye อาจก่อให้เกิด:

• สายตาดูไม่เป็นธรรมชาติ — ดวงตาดูเหมือนถูกดึงตึงตลอดเวลา

• ปัญหาการทำงาน เช่น เปลือกตาปิดไม่สนิท (lagophthalmos)

• ตาแห้งหรือระคายเคืองเรื้อรัง จากกลไกการทำงานของเปลือกตาที่ถูกรบกวน

ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อความสบายและสุขภาพตาในระยะยาว

3. โบท็อกซ์และฟิลเลอร์

การฉีดสามารถช่วยยกเล็กน้อยได้เมื่อใช้ให้ถูกตำแหน่ง ตัวอย่างเช่น การทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงคิ้วลงทำงานลดลง อาจทำให้หางคิ้วยกขึ้นเล็กน้อย แต่หากทำมากเกินไป:

• รูปแบบการกะพริบตาตามธรรมชาติอาจเปลี่ยนไป

• อาจรู้สึกหนักตาหรือไม่สบายตา

• ผลลัพธ์อาจดูไม่เท่ากันหรือดูแข็งทื่อ

4. พังผืดและการบิดเบี้ยวของเนื้อเยื่อ

การทำหัตถการหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อทำซ้ำโดยไม่คำนึงถึงกายวิภาค อาจทำให้แนวชั้นเนื้อเยื่อตามธรรมชาติบิดเบี้ยว เมื่อเวลาผ่านไป ผิวรอบดวงตาอาจเกิดพังผืด รักษาตัวไม่สม่ำเสมอ หรือสูญเสียความยืดหยุ่น ส่งผลให้การผ่าตัดแก้ไขในอนาคตมีความซับซ้อนมากขึ้น

สรุป: ลุคตา Fox Eye จะน่ากังวลทางการแพทย์เมื่อได้มาด้วยทางลัดหรือการทำที่รุนแรงเกินไป แทนที่จะเป็นการวางแผนเฉพาะบุคคลอย่างรอบคอบ

สิ่งที่หลายคนมักมองข้าม

พูดกันตามตรง ผู้ป่วยมักคิดว่า 'ฟ็อกซ์อาย' อยู่ที่ดวงตาอย่างเดียว แท้จริงแล้ว รูปลักษณ์เกิดจากการทำงานร่วมกันของโครงสร้างรอบๆ:

• ไขมันบริเวณขมับ: ขมับที่อิ่มและได้รับการพยุงที่ดี ช่วยให้หางคิ้ววางตัวอย่างเป็นธรรมชาติ หากปริมาตรลดลง บริเวณนี้อาจยุบตัวเข้าด้านใน ทำให้ดวงตาดูลึกโหล

• ความตึงของหน้าผาก: กล้ามเนื้อหน้าผากที่ทำงานมากเกินไปอาจดึงคิ้วแต่ละข้างไม่เท่ากัน ทำให้การยกยากขึ้น

• ทรงแก้ม: ดวงตาที่ยกขึ้นแต่แก้มแบนหรือหย่อน อาจดูไม่สมดุล เหมือนกับว่าส่วนหนึ่งของใบหน้าไม่เข้ากับอีกส่วน

ลองนึกถึงการตั้งสายไวโอลิน: การปรับสายเพียงเส้นเดียวโดยไม่ปรับสมดุลเส้นอื่นๆ อาจทำให้เครื่องดนตรีทั้งชิ้นเพี้ยน เช่นเดียวกัน การยกเฉพาะหางคิ้วหรือหางตาโดยไม่เสริมขมับและแก้ม มักทำให้ผลลัพธ์ดูไม่เป็นธรรมชาติ

แนวทางที่ปลอดภัยกว่า: ปรับให้กลมกลืน ไม่ฝืน

ที่ Hugo ศัลยกรรมตกแต่ง เราแทบไม่แนะนำให้ผู้ป่วยใช้รูปคนดังมาเป็นแบบอย่าง แทนที่จะทำเช่นนั้น เราจะถามว่า: การยกหรือปรับรูปเล็กน้อยจะช่วยเสริมความงามตามธรรมชาติของคุณได้อย่างไร?

สำหรับบางคน การยกคิ้วด้านข้างร่วมกับการปรับเปลือกตาอย่างพอเหมาะ ช่วยให้ดูสดใสขึ้นโดยไม่ทำให้ดูเป็นลุคแข็งทื่อ ส่วนอีกบางคน การเติมไขมันบริเวณขมับ หรือ การผ่าตัดปรับมุมหางตาอย่างนุ่มนวล ช่วยสร้างความกลมกลืนโดยยังคงความละมุนไว้

หลักการสำคัญของเราคือ:

• ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ที่กลมกลืนกับลักษณะใบหน้าเดิมของคุณ.

• ความสมดุลทั่วทั้งใบหน้า แทนการไปเน้นหนักเพียงจุดเดียว.

• ความคงทนระยะยาว เพื่อให้ผลลัพธ์ยังดูเหมาะสมแม้ผ่านไปหลายปี.

การผ่าตัดควรมุ่งเสริมให้ใบหน้าที่คุณใช้ชีวิตอยู่ทุกวันดูดีขึ้น ไม่ใช่สร้างลุคตามแฟชั่นชั่วคราว

เมื่อเทรนด์กลายเป็นอันตราย

เทรนด์ Fox Eye อาจกลายเป็นอันตรายได้ในบางสถานการณ์:

• ผู้ให้บริการที่ไม่ได้รับการรับรอง: เมื่อทำหัตถการนอกคลินิกทางการแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาต ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การเกิดแผลเป็น และการบาดเจ็บของเส้นประสาทจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก.

• การทำซ้ำบ่อยเกินไป: ผู้ป่วยที่เข้ารับการยกหรือแก้ไขซ้ำหลายครั้งเพื่อคงลุค อาจเกิดพังผืดและได้ผลลัพธ์ที่ด้อยลง.

• ไม่คำนึงถึงสรีระ: การฝืนทำให้หางตายกในดวงตาที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ดูไม่กลมกลืนและนำไปสู่ความไม่พอใจในระยะยาว.

• ความกดดันทางจิตใจ: เมื่อผู้ป่วยเปรียบเทียบตัวเองกับภาพที่ผ่านฟิลเตอร์บนโลกออนไลน์อยู่ตลอด อาจไล่ตามการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สมจริง นำไปสู่ความเสียใจหรือความทุกข์ใจ.

ในกรณีเหล่านี้ การตามเทรนด์ไม่เพียงเสี่ยงต่อร่างกาย แต่ยังบั่นทอนจิตใจอีกด้วย.

บทสรุปทางการแพทย์

การไล่ตามเทรนด์ความงามไม่ใช่เรื่องใหม่—ประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยทรงคิ้ว ทรงริมฝีปาก และรูปร่างทรวดทรงที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับการผ่าตัดหรือหัตถการแบบฉีด แนวทางที่ระมัดระวังและปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลเป็นสิ่งจำเป็น

ลุคฟ็อกซ์อาย (ตาจิ้งจอก) จะทำได้อย่างปลอดภัย เท่านั้น เมื่อปรับให้เหมาะกับกายวิภาคเฉพาะบุคคลของผู้ป่วย และให้สมดุลกับส่วนอื่นๆ ของใบหน้า วิธีทำแบบสำเร็จรูปหรือการแก้ไขที่มากเกินจำเป็นมีความเสี่ยงสูงกว่าผลลัพธ์ที่คุ้มค่า

ที่ Hugo ศัลยกรรมตกแต่ง ภายใต้การดูแลของ Dr. Seonghyeok Yang เราให้ความสำคัญกับ ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ คุณภาพสูง และดูดีอย่างยาวนาน ผู้ป่วยจำนวนมากมาพร้อมความต้องการตามเทรนด์ แต่จากไปพร้อมความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นว่าจะขับเน้นความงามเฉพาะตัวได้อย่างไรให้ยังคงสง่างามในอีก 5, 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า

✨ พร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญแล้วหรือยัง? หากคุณสนใจการปรับดวงตาให้ดูอ่อนเยาว์อย่างแนบเนียน หรือกำลังพิจารณาการยกกระชับ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ ที่ Hugo ศัลยกรรมตกแต่ง ในกังนัม เราใส่ใจประเมินลักษณะเฉพาะของคุณอย่างละเอียดและแนะนำหัตถการที่เคารพทั้งความงามในปัจจุบันและตัวตนของคุณในอนาคต